ประวัติโรงเรียนพระปริยัติธรรม

ประวัติความเป็นมา
โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำจังหวัดอุบลราชธานี แห่งที่ ๑

————————-

             เดิมเป็นสำนักศาสนศึกษาวัดพิชโสภาราม ตำบลแก้งเหนือ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เปิดทำการเรียนการสอน ๒ แผนก คือ

             ๑. แผนกธรรม เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระบวรปริยัติวิธาน เป็นครูสอนรูปแรก และมีพระอาจารย์ทองดี ทนฺตจิตฺโต ได้เป็นครูสอนช่วยท่าน

             ๒. แผนกพระอภิธรรม มีพระอาจารย์เล้ง จนฺทูปโม เป็นครูสอน ได้มีพระภิกษุ สามเณร และแม่ชี มาเรียนนักธรรมและพระอภิธรรมเป็นจำนวนมากพอสมควร และได้ดำเนินการสอนเป็นลำดับมา

             ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระบวรปริยัติวิธาน ได้เปิดทำการเรียนการสอนแผนกบาลีขึ้น โดยได้นิมนต์พระอาจารย์มหาอำคา จนฺทสาโร (ปัจจุบันเป็นพระครูปริยัติวรกิจ) มาเป็นอาจารย์ใหญ่รูปแรก ในปีแรกนั้นมีนักเรียนบาลีไวยากรณ์ประมาณ ๑๐ รูป ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ พระอาจารย์มหาพิชิต อนุตฺตโร (ปัจจุบันเป็นพระครูเวฬุวันสุตกิจ) เป็นอาจารย์ใหญ่ รูปที่ ๒ ได้ทำการสอนมา จนมีนักเรียนสอบได้ในสนามหลวงเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และหลวงพ่อจะทำการฉลองให้กับนักเรียนที่สอบได้เป็นประจำทุกปีเรื่อยมา จนมาถึงปี พุทธศักราช ๒๕๓๒ ก็ได้ปิดการสอนพระอภิธรรมลง เพราะหลวงพ่อเห็นว่านักเรียนนั้นมีเวลาเรียนน้อย เพราะเรียนหลายวิชา จึงได้ทำการปิดการสอนพระอภิธรรมตั้งแต่นั้นมา

             ในปี พ.ศ.๒๕๓๔ อาจารย์ใหญ่ทั้ง ๒ รูปได้ย้ายกลับสำนักเดิม พระมหาสุเทพ สุธมฺโม เป็นอาจารย์ใหญ่ รูปที่ ๓ บริหารการเรียนการสอนจนถึงปีพ.ศ. ๒๕๓๖ ท่านก็ได้ลาสิกขาไป ต่อมามีพระมหาชัน จนฺทวํโส มาเป็นอาจารย์ใหญ่ รูปที่ ๔ ท่านได้ทำงานเพียง ๑ ปี ก็ได้ลาสิกขาบทไป พ.ศ. ๒๕๓๗ พระมหาจารึก จารุวณฺโณ เป็นอาจารย์ใหญ่ รูปที่ ๕ บริหารการเรียนการสอนเรื่อยมามีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกปี และท่านได้เป็นผู้ดำเนินการขอจัดตั้งเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำจังหวัดฯ ท่านได้บริหารงานมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงขอย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิมและได้ลาสิกขาไปในที่สุด

             ต่อมาพระครูศรีสุตาลังการ ได้มาเป็นอาจารย์ใหญ่ รูปที่ ๖ บริหารงานจนถึงปัจจุบันขณะนี้ ในระยะแรกนั้น การเรียนการสอนเป็นไปด้วยความลำบากมาก แม้แต่ห้องเรียนก็มุงด้วยหญ้าคา บางทีฝนตกน้ำก็รั่วลงมา และอาคารเรียนก็ไม่มีเพียงพอกับจำนวนนักเรียน ต้องอาศัยเรียนใต้กุฏิบ้าง ร่มไม้บ้าง ถึงกระนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ได้สร้างคนให้เป็นคนดีของสังคม สร้างพระให้เป็นที่ศรัทธาของญาติโยมทั้งหลายได้ จนสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ได้ให้การยกย่องมอบประกาศนียบัตรในด้านการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ให้ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานเสาเสมาธรรมจักรทองคำ ในด้านสาขา การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม

             หลวงพ่อท่านได้พัฒนาโรงเรียน และจัดการศึกษามาเรื่อยๆ จนในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ก่อสร้างอาคารเรียนขนาด ๓ ชั้นขึ้น และในปีนี้เอง แม่กองบาลีสนามหลวง ได้ประกาศจัดตั้งให้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประจำจังหวัดอุบลราชธานี แห่งที่ ๑ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒ โดยการอนุมัติของมหาเถรสมาคมในการประชุมครั้งที่ ๑๒ / ๒๕๔๒ อาศัยอำนาจความตามข้อ ๕ แห่งระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยการจัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำ จังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้มีพระภิกษุ สามเณรเข้ามาศึกษาเล่าเรียนอยู่เป็นประจำตลอด และมีครูสอนที่จบเปรียญธรรม ๓ ประโยคขึ้นไปทำหน้าที่ช่วยสอน(พี่สอนน้อง) ดังนั้น นักเรียนที่ได้เข้ามาเรียน หรือออกไปจากสำนัก ก็สามารถไปสอนในสำนักต่างๆ ได้ จนปัจจุบันนี้มีนักเรียนสอบได้มาก เป็นอันดับที่ ๑ ของคณะสงฆ์ภาค ๑๐ และปีพ.ศ.๒๕๔๙ นี้ได้รับพัดและโล่ สำนักเรียนดีเด่น มีผู้สอบได้มากเป็นอันดับที่ ๔ ของหนตะวันออก และมีผู้สอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยคในสำนัก ๑ รูป มีคณะศิษย์ที่สอบได้ในส่วนกลางอีกรวมเป็น ๙ รูป