อิทธิบาทธรรมทำให้อายุยืน
โดย พระราชปริยัตยากร (บุญเรือง สารโท)
———————
ในสมัยนี้ อายุของคนเรานั้นท่านกำหนดไว้ว่า กัปหนึ่งๆนั้นมี ๗๕ ปี ๗๕ ปีเป็นอายุกัป
สมัยนี้ถ้าผู้ใดมีอายุ ๗๕ ปี ผู้นั้นชื่อว่ามีอายุยืนได้กัปหนึ่งแล้ว
การที่บุคคลจะมีอายุได้ถึงกัปหรือเกินกว่ากัปนั้น จะต้องตั้งมั่นอยู่ใน อิทธิบาทธรรม ๔ ประการ
หลวงพ่อเองก็ยังไม่ถึง ๗๕ ปี ยังไม่ถือว่าครบกัป เต็มกัปคือ ๗๕ ปี แต่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา ส่วนมากนั้นท่านจะมีอายุถึง ๗๕ ปี ๘๐ ปี ๙๐ ปี หรือถึง ๑๐๐ ปี ประมาณนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราผู้ที่มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในธรรมแล้ว ขอให้น้อมนำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของตนเองด้วย เพื่อประโยชน์ของคนอื่นด้วย
หลวงพ่อพิจารณาดูอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวบ้านแก้ง บ้านคำม่วง บ้านเรืองอุดม ตายยาก ปีหนึ่งๆ อย่างมากตายเพียง ๓-๕ คน บ้านใกล้เรือนเคียงนี่ตายเอาๆ ตายกันบ่อย พระนี่แทบจะไปไหนไม่ได้ ต้องเฝ้าศพสวดศพอยู่ตลอดเวลา เวลาใครโทรศัพท์ไปถามก็ว่า โอ้ หลวงพ่อไปไหนไม่ได้ดอก ติดงานศพอยู่
แม้คนที่ไม่ควรจะตายก็ตาย ที่น่าจะอายุยืนก็ไม่อายุยืน เพราะอะไร ก็เพราะว่าขาดอิทธิบาทธรรมดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะขาดคุณธรรม
หลวงพ่อได้พูดอยู่ตลอดเวลาว่า วัดใดที่มีครูบาอาจารย์ มีพระสงฆ์องค์เณรผู้ทรงศีลทรงธรรม ก็เหมือนกับมีอนามัยมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ คือว่าเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยอันตรายขึ้นมา ก็จะมีแพทย์มีหมอ หาหยูกหายามาได้ง่ายๆ สำหรับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล ค่าปฐมพยาบาลเวลาที่โรคภัยมันเบียดเบียน ก็ไม่มาก อันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้อายุยืน ข้อนี้ฉันใด วัดใดที่มีพระ มีสามเณร มีผู้ปฏิบัติธรรม ทรงศีลทรงธรรม สถานที่นั้นๆก็ย่อมอยู่เย็นเป็นสุข (การที่วัดนั้นมีพระสงฆ์องค์เณรผู้ทรงศีลทรงธรรมทรงวินัยอันดีงามไว้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้คนในสังคมนั้น บ้านนั้น มีจิตใจดีงามและมีอายุยืน)
การเจ็บไข้ได้ป่วยก็ถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีอาการรุนแรง หรือที่บ้านเราเรียกว่าบ้านร้อนเมืองร้อนอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ชาวบ้าน ไม่ใช่ว่ายกยอปอปั้นนะ ชาวบ้านแก้งทั้ง ๓ คุ้มนี่แหละ นับแต่หลวงพ่อมาอยู่และได้ชักนำให้ประพฤติปฏิบัติธรรมดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ แม้ว่าปฏิบัติได้บ้างไม่ได้บ้าง สมบูรณ์บ้างไม่สมบูรณ์บ้าง ลุ่มๆดอนๆ ไม่เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ชาวบ้านเราก็ยังมีอายุมั่นขวัญยืน อยู่เย็นเป็นสุขตามปกติดี ไม่ต้องเดือดร้อนกันจนเกินไป
เหตุนั้น หลวงพ่อจึงใคร่ขอบิณฑบาตให้พ่อแม่ญาติโยมทั้งหลายได้น้อมเอาธรรมคือ อิทธิบาทธรรมนี้ไปประพฤติปฏิบัติกัน เพื่อว่าเราจะได้มีอายุยืน
เมื่อเราได้ประพฤติปฏิบัติแล้ว ญาติโยมทั้งหลาย ลูกของเราที่จะเกิดขึ้นมาแล้ว แทนที่จะมีอายุสั้น ก็กลับมีอายุยืนขึ้นมา เพราะอำนาจธรรมะทั้ง ๔ ประการนี้ คือเด็กๆของเราเมื่อเกิดขึ้นมาก็จะมีอายุยืนขึ้นไปอีก ถ้าว่าบรรพบุรุษของเราไม่ปฏิบัติธรรมะทั้ง ๔ ประการเหล่านี้ ปู่ย่าตายายของเราก็จะอายุสั้น อายุลูกของปู่ของตา(คือพ่อแม่)ของเราก็สั้นลงไปอีก และเมื่อพ่อแม่ของเราอายุสั้นลง ลูกๆของพ่อแม่(คือรุ่นเรานี้)ก็อายุสั้นลงไปอีก
ที่คนมีอายุสั้นลงไปๆ ก็เพราะขาดคุณธรรม แต่ถ้าพวกเราปฏิบัติได้ดังกล่าวแล้ว สมมุติว่าลูกของเราจะมีอายุ ๕๐ ปี และคนที่อายุ ๕๐ ปีนี้พากันปฏิบัติตามธรรมทั้ง ๔ ประการนี้แล้ว ลูกของคนที่อายุ ๕๐ ปีนั้น เกิดมาก็จะมีอายุ ๕๑ ปี หรือ ๕๒ ปี คือจะมีอายุสูงขึ้นเป็นขั้นๆขึ้นไป
นี่แหละท่านทั้งหลาย เรามองข้ามปัญหาใกล้ตัวเอง เมื่อเรามองข้ามปัญหาใกล้ตัวเอง เหตุปัจจัยที่เกิดขึ้นก็เป็นดังกล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะฉะนั้น จึงขอบิณฑบาตให้ญาติโยมมาประพฤติปฏิบัติกัน และชาวบ้านแก้งต่อไปก็อาจจะมีอายุยืนขึ้นอีก หรืออาจจะเกิดความระส่ำระสาย
เพราะเหตุไรจึงว่าอย่างนี้
เพราะว่า (ชาวบ้านทุกวันนี้) เมื่อเห็นพระเจ้าพระสงฆ์แล้ว ส่วนมากก็ไม่สนใจ ไม่ยกมือไหว้ เมื่อก่อนโน้น เวลาเดินผ่านพระเจ้าพระสงฆ์ก็พากันยกมือไหว้ สมัยนี้จะหาคนที่จะยกมือไหว้พระนั้น หายาก
ลูกๆหลานๆ ทั้งๆที่หลวงพ่อสั่งไว้ตั้งแต่โน้น ตั้งแต่ในครรภ์ของแม่ หลวงพ่อสั่ง(คนที่เป็นพ่อเป็นแม่)ไว้ว่า ให้เทศน์ให้ลูกฟัง แต่ละวันๆ อย่างน้อย ๑ ครั้ง เทศน์ให้ลูกฟัง เอาธรรมะมากล่อมแล้วลูบท้องบอกว่า แม่จะเทศน์ให้ลูกฟัง ให้ตั้งใจฟังนะลูกนะ แล้วก็เอาหนังสือธรรมะนี้แหละอ่านให้ฟังสัก ๒ บรรทัด หรือ ๓ บรรทัด แล้วก็วางไว้ วางแล้วก็ว่า จบแล้วนะ วันใหม่ค่อยฟังต่อ วางหนังสือไว้ข้างที่นอนแล้วค่อยอ่านใหม่ อย่างนี้แหละ ลูกของเราเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วจะเป็นผู้มีสติปัญญา ตอนนี้เกือบจะไม่มีแล้ว เกือบจะไม่มี
เมื่อก่อนโน้นเราเข้าวัดเข้าวา เราจะถอดรองเท้าไว้ ไม่กั้นร่ม เราเอาร่มวางไว้ที่ใดที่หนึ่ง ถอดรองเท้าไว้ที่ใดที่หนึ่ง แต่ทุกวันนี้ไม่มีแล้ว แทบจะเอาวางไว้บนหัวพระ หลวงพ่อจึงบอกไว้ตลอดมา (ทุกวันนี้) ทั้งพระทั้งเณร เวลาขึ้นมาที่ศาลานี้ รองเท้าใส่มาถึงหน้าพระพุทธรูป คือเวลาเข้ามาที่พระนั่งฉันก็เอารองเท้ามาวางไว้ด้วย ใส่รองเท้าเข้ามาด้วย ความเคารพอย่างนี้มันก็หมดไป
นี่อย่างหนึ่ง ที่เราไม่มีความเคารพคารวะอ่อนน้อมต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ต่อครูบาอาจารย์และสถานที่ ก็ทำให้ความเคารพของคนเรามันลดน้อยลงไป นี้อย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ชาวบ้านแก้งมีอายุลดน้อยลงไป หรือโรคภัยไข้เจ็บจะเกิดขึ้นมา
สอง เพราะว่าเราชอบฆ่าตัวเองด้วย ฆ่าผู้อื่นด้วย ฆ่าพระ ฆ่าเณรด้วย ทุกวันนี้เรากำลังฆ่ากันๆ เป็นอย่างไรญาติโยมเฮ็ดอยู่บ่ เราฆ่าลูก เราฆ่าแม่ ฆ่าพ่อ เราฆ่าพระฆ่าเณร แล้วก็ฆ่าตัวเราเอง ก็ยังไม่ทราบว่าฆ่าตัวเองด้วย เราฆ่าลูกของเรา แต่ไม่รู้ว่าฆ่าลูกของเรา เราฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ แต่ไม่รู้ว่าฆ่าพ่อฆ่าแม่ เราฆ่าพระฆ่าเณร แต่ไม่รู้ว่าฆ่าพระฆ่าเณร
ทำไมหลวงพ่อจึงพูดอย่างนี้
ท่านทั้งหลาย อาหาร การกิน การอยู่ ทุกวันนี้มันมีแต่สารพิษ ข้าวก็มีสารพิษ ผักทุกชนิดที่เรากินกันก็มีสารพิษ ปลาก็มีสารพิษ เนื้อก็มีสารพิษ ปลาที่จับมาแต่ทะเลก็มีแต่สารพิษ ลำไยก็มี เงาะก็มี ทุเรียนก็มี ผลไม้ทุกชนิดก็มีแต่สารพิษ ผักที่เรากินกันทุกวันนี้มันมีสารพิษ
เรากักเก็บสารพิษไว้ในร่างกาย เมื่อเป็นเช่นนี้ เราอยากอายุยืนก็อายุยืนไม่ได้ เพราะว่าร่างกายของเรามันเต็มไปด้วยสารพิษ กักเก็บไว้ๆ ที่หลวงพ่อป่วยกระเสาะกระแสะมา ก็เพราะสารพิษ มันป่วยมาตั้งแต่โน้น ขออภัย เพราะแตงโม ชิ้นไม่ใหญ่หรอก ฉันกับข้าวไปสัก ๕ คำเท่านั้นแหละ ฉันแล้วหลวงพ่อไปพักที่ห้อง พอเอนหลังลงเท่านั้น ก็หลับไปเลย ลืมตาขึ้นมาดูนาฬิกา ๓ ชั่วโมง
ผลคือ เวลาเคลื่อนไหวร่างกาย มันก็สั่นวิงเวียนรู้สึกหมุนติ้วๆขึ้นมา อาเจียนออกมาเป็นกระโถนๆเลย ลูกศิษย์ก็หาหยูกหายามาพยาบาล อย่างนี้แหละหลวงพ่อจึงตั้งใจว่า แต่นี้ต่อไปจะไม่ฉันแตงโมละ หรือไปจ่ายตลาดเองก็ต้องถามก่อนว่า ฉีดยาบ่ ถ้าฉีดยาก็บ่เอา เพราะหลายครั้งแล้วที่เป็นอย่างนี้ หลังจากฉันแตงโมมาแล้ว ท้องก็เดินตลอดเวลา ฉันอะไรๆ ก็ถ่ายออกมาหมด ฉันอันนั้นก็ถ่าย ฉันนี้ก็ถ่าย ผลสุดท้ายก็ต้องไปหาหมอ
ไปหาหมอแล้วก็ถามหมอว่า มันไม่มีสารซันฟาบ่ ถ้ามีสารซันฟา หลวงพ่อแพ้ยานี้ หมอบอกว่าไม่มี หลังจากนั้นแหละก็มาถึงวัด ดึกแล้วก็ฉันยา ก็เลยถามว่ามีสารซันฟาอยู่บ่ ถ้ามีต้องตายแน่นอน บังเอิญไม่มีอะไรก็เลยไม่เป็นไรๆ คุณหมอบอกว่าไม่มีๆ แล้วก็กินยาเข้าไปประมาณ ๕ นาทีเท่านั้น อาการท้องพองขึ้นๆ เหมือนศพที่กำลังอืด ต้องรักษาพยาบาลพอสมควรจึงหาย
นี่แหละญาติโยมทั้งหลาย แม้พวกเราอยากจะมีอายุยืนก็อายุยืนไม่ได้ เพราะว่าเราประมาท ไม่ควรทำบาปเพราะเห็นแก่กิน พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะไปฆ่าคนนั้นคนนี้ แต่เพราะว่าการกินของเรานี้เป็นเหมือนกับว่าเรากำลังฆ่าตัวเอง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าลูกของเรา หนักๆเข้าฆ่าทั้งพระฆ่าทั้งเณร เมื่อเราฆ่าตนเองอย่างนี้ เป็นเพชฌฆาต
ธรรมะที่พระองค์ทรงประทานให้อยู่นี้ ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้มีอายุยืนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ท่านทั้งหลาย ที่จริง อะไรที่จะพอปลูกพอฝังก็พากันปลูกกันฝังเอา เพราะแผ่นดินมันกว้างมันใหญ่ ฉะนั้น เราอย่าเห็นแก่กิน นึกถึงชีวิตของเราด้วย นึกถึงชีวิตของลูกของหลานของพระของเณรด้วย นึกถึงชีวิตจะอยู่กับโลกเขาด้วย อย่าฆ่าตัวเอง
เอาละท่านทั้งหลาย หลวงพ่อได้พูดสิ่งละอันพันละน้อย ก็เป็นการโสรจสรงองค์ศรัทธาของคณะครูบาอาจารย์และญาติโยมที่มาถวายเพลวันนี้ เพื่อเป็นการถวายกุศลเหล่านี้แด่หลวงพ่อ หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการ
ด้วยอำนาจบุญบารมีที่ท่านทั้งหลายได้สร้างสมอบรมมา พร้อมด้วยอำนาจบารมีที่ท่านได้เคารพนับถือบูชากราบไหว้ ขอเดชพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านผู้มีพระคุณ และบุญกุศลที่หลวงพ่อได้สร้างสมอบรมมา ขอจงได้เป็นตบะ เป็นเดชะ เป็นพลวปัจจัย ให้ท่านทั้งหลายมีอายุมั่นขวัญยืน เพียบพูนไปด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ โชคลาภร่ำรวยมั่งมีศรีสุข เจริญในหน้าที่การงานตลอดไป
และขอให้มีโอกาสได้เข้ามาประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม นำตนให้พ้นจากทุกข์ถึงสุขอันไพบูลย์ กล่าวคือมรรค ผล นิพพาน ด้วยกันจงทุกท่านทุกคนเทอญ.