ญาณที่ ๕ ภังคญาณ
ปัญญากำหนดพิจารณาเห็นเฉพาะความดับไป ความสลายไปของรูปนาม คือพิจารณาให้เห็นชัดลงไปในส่วนแห่งความดับอันเป็นจุดจบสิ้น ว่าสังขารทั้งปวงล้วนดับสลายไปทั้งสิ้น
เป็นญาณพิจารณาความดับของรูปนาม อุปปาทะ ความเกิดขึ้นมีอยู่ ฐิติ ความตั้งอยู่มีอยู่ แต่ผู้ปฏิบัติไม่สนใจดู ไปดูเฉพาะความดับไป แต่เมื่อญาณนี้เกิดขึ้นเต็มที่แล้ว มีอาการเหมือนง่วงอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ง่วง แม้แต่เวลาเดินจงกรมก็ง่วงเหมือนกันลักษณะจะซึมเซาอยู่ตลอดเวลา เราต้องถามดูอาการต้นพอง กลางพอง สุดพองว่ามีอาการอย่างไร อาการต้นยุบ กลางยุบ สุดยุบ มีอาการอย่างไร ถ้าอาการสุดยุบปรากฏชัด ก็ให้ได้
เวลาเดินจงกรม ขณะเท้าก้าวไปหรือขณะเหยียบลง อาการไหนชัดกว่ากัน ในขณะยกเท้าขึ้นเหมือนมีอะไรมาดึงมารั้งเท้าของเราไว้ อาการเช่นนี้แสดงว่าต้นยกชัดเวลาเหยียบลงไปเหมือนมีอะไรมาค้ำเท้า หนุนเท้าของเราไว้ต้องเหวี่ยงอย่างแรง หัวคะมำไปก็มี ขณะเหยียบลงไปมีอาการร้อนผ่าว เหยียบลงไปเหมือนเหยียบเหล็กแหลม อาการเหล่านี้แสดงว่าขณะเหยียบปรากฏชัดดี
ถ้าขณะนั่งอยู่รู้ว่ามันวูบไปอยู่ในญาณที่ ๔ แต่ถ้าขณะนั่งอยู่ฝันเรื่อยไป อยู่ในญาณที่ ๕ ดังมีภิกษุรูปหนึ่ง อาการดับของท่านปรากฏชัดมาก นั่งไปมีแต่ฝันจนท่านเกิดความคิดขึ้นมาว่า เรามาจับฝันกันเถิด คือให้เราสังเกตดูอาการพองว่า ท้องของเราพองขึ้นมาถึงตรงไหนจึงฝัน อาการยุบของเรายุบลงไปถึงตรงไหนจึงฝันเป็นต้น ถามเขาต่อไปว่า “เวลากำหนด กำหนดได้ตามขั้นตอนดีไหม” บางท่านก็ตอบว่าไม่ได้กำหนดอะไรเลย เหมือนนั่งอยู่เฉยๆ ตลอดเวลา ผู้ปฏิบัติบางท่านอาจคิดว่าจะได้บุญหรือเปล่า เพราะเรานั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้กำหนดอะไร ให้ถามต่อว่า “อาการพอง อาการยุบ สม่ำเสมอกันดีไหม” บางท่านตอบว่าอาการพอง-ยุบมันห่างๆ เลือนๆ ลางๆ บางครั้งต้องเอามือจี้ อาการเช่นนี้เราก็ให้ได้แสดงว่าอยู่ในญาณที่ ๕ อาการพอง-ยุบเหมือนท้องตึง กำหนดไม่ดีเลย เห็นแต่สัณฐานหน้าท้องตลอดเวลา อาการอย่างนี้ก็ให้ได้
เวลานั่งไปกำหนดไป เหมือนแขน ขา หัวของเราไม่มีอาการเช่นนี้ก็ให้ได้ เหมือนเรานั่งอยู่กลางอากาศ หรือเหมือนเรานั่งอยู่ใต้ดินคนเดียว ทั้งๆ ที่ยังได้ยินเสียงนก เสียงคนอยู่ลักษณะอย่างนี้ให้ได้ ถามต่อไปว่า “มีอะไรอีกไหม” บางท่านก็มีอาการคล้ายภูตผีปีศาจมุดเข้าไปสู่ร่างกาย ร้อนวูบตรงหัวใจร้อนวูบตรงสันหลัง บางทีตัวชาทั้งคืนจนถึงเช้า ต่อเมื่อมีใครมากระแอม ไอ จาม หรือเสียงระฆังทำวัตรเช้าดังขึ้น จึงทำให้สมาธิลดลงแล้วจึงเคลื่อนที่ได้ก็มี ที่ว่านั่งทั้งคืนนี้คือคู้เหยียดไม่ได้เลย เมื่อได้ยินเสียงระฆังแล้ว อาการนั้นจึงแตกออกจากหัวของเรา แล้วก็มึนชาออกไปทางด้านเท้า อาการเช่นนี้ก็ให้ได้
บางครั้งเห็นแต่อาการพอง-ยุบ แต่ไม่เห็นตัวของเราเอง เช่นนี้ก็ให้ได้ ถ้าการกำหนดไม่เห็นอาการพอง-ยุบ ให้ตั้งสติกำหนดว่า “รู้หนอๆๆ” ต่อไปจนกว่าจะเห็นอาการพอง-ยุบปรากฏขึ้นมา ถ้าอาการอย่างนี้ปรากฏขึ้นมา ต้องให้เขาเดินจงกรมให้มากๆ เช่น เดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๓๐ นาที เดิน ๒ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง เป็นต้น บางครั้งเห็นอาการพอง-ยุบเกิดขึ้นแล้วหายไปก็ให้ได้ มองอะไรก็ไม่ปรากฏชัด มองดูท้องฟ้าอากาศก็มัวๆ ขยี้ตาอยู่เป็นประจำเหมือน ควันไฟ ก็ให้ได้ อาการเหล่านี้ไม่ใช่จะเกิดหมดทุกอย่าง ถ้าเกิดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ให้ได้
ภังคญาณ จบ