สังเวคะปริกิตตนะปาฐะ

สังเวคะปริกิตตนะปาฐะ

อิธะ  ตะถาคะโต  โลเก  อุปปันโน,     

       พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้;

อะระหัง  สัมมาสัมพุทโธ,          

       เป็นผู้ไกลจากกิเลส  ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง;

ธัมโม  จะ  เทสิโต  นิยยานิโก,              

       และพระธรรมที่ทรงแสดงเป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์;

อุปะสะมิโก  ปะรินิพพานิโก,              

       เป็นเครื่องสงบกิเลส  เป็นไปเพื่อปรินิพพาน; 

สัมโพธะคามี  สุคะตัปปะเวทิโต,  

       เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ;

มะยันตัง  ธัมมัง  สุต๎วา  เอวัง  ชานามะ,     

       พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า;

ชาติปิ ทุกขา,             แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์;   

ชะราปิ  ทุกขา,          แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์;

มะระณัมปิ ทุกขัง,        แม้ความตายก็เป็นทุกข์;

โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา,

       แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ  ก็เป็นทุกข์;    

อัปปิเยหิ  สัมปะโยโค  ทุกโข,            

       ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ  ก็เป็นทุกข์;

ปิเยหิ  วิปปะโยโค  ทุกโข,          

       ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ  ก็เป็นทุกข์;

ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง,       

       มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น  นั่นก็เป็นทุกข์;

สังขิตเตนะ  ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา

       ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง  ๕  เป็นตัวทุกข์;   

เสยยะถีทัง,                       ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ

รูปูปาทานักขันโธ,                ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ  รูป;

เวทะนูปาทานักขันโธ,            ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ  เวทนา;

สัญญูปาทานักขันโธ,             ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ  สัญญา;

สังขารูปาทานักขันโธ,            ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ  สังขาร;

วิญญาณูปาทานักขันโธ,         ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือ  วิญญาณ;

เยสัง  ปะริญญายะ,                เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง;

ธะระมาโน  โส  ภะคะวา,        จึงพระผู้มีภาคเจ้านั้น  เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่;     

เอวัง พะหุลัง  สาวะเก วิเนติ,   ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย  เช่นนี้เป็นส่วนมาก;

เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ,       

       อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลายส่วนมาก,

        มีส่วนคือการจำแนกอย่างนี้ว่า;

รูปัง  อะนิจจัง,                   รูปไม่เที่ยง;

เวทะนา  อะนิจจา,                เวทนาไม่เที่ยง;

สัญญา  อะนิจจา,                สัญญาไม่เที่ยง;

สังขารา  อะนิจจา,               สังขารไม่เที่ยง;

วิญญาณัง  อะนิจจัง,            วิญญาณไม่เที่ยง;

รูปัง  อะนัตตา,                   รูปไม่ใช่ตัวตน;

เวทะนา  อะนัตตา,              เวทนาไม่ใช่ตัวตน;

สัญญา  อะนัตตา,                สัญญาไม่ใช่ตัวตน;

สังขารา  อะนัตตา,              สังขารไม่ใช่ตัวตน;

วิญญาณัง  อะนัตตา,            วิญญาณไม่ใช่ตัวตน;

สัพเพ  สังขารา  อะนิจจา,      สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง;

สัพเพ  ธัมมา  อะนัตตาติ,       ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ตัวตน ดังนี้.

เต (หญิง ตา) มะยัง โอติณณามะหะ, พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว;

ชาติยา,                              โดยความเกิด;

ชะรามะระเณนะ,                       โดยความแก่  และความตาย;  

โสเกหิ  ปะริเทเวหิ  ทุกเขหิ  โทมะนัสเสหิ  อุปายาเสหิ, 

       โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย; 

ทุกโขติณณา,         เป็นผู้ถูกความทุกข์  หยั่งเอาแล้ว;

ทุกขะปะเรตา,        เป็นผู้มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว;  

อัปเปวะนามิมัสสะ  เกวะลัสสะ  ทุกขักขันธัสสะ  อันตะกิริยา  ปัญญาเยถาติ.

       ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้, จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้.    

สำหรับพระภิกษุสามเณรสวด

จิระปะรินิพพุตัมปิ  ตัง  ภะคะวันตัง  อุททิสสะ  อะระหันตัง  สัมมาสัมพุทธัง,

            เราทั้งหลาย, อุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้ไกลจากกิเลส   ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,  แม้ปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้น;

สัทธา  อะคารัส๎มา  อะนะคาริยัง  ปัพพะชิตา,

         เป็นผู้มีศรัทธาออกบวชจากเรือน  ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว;

ตัส๎มิง  ภะคะวะติ  พรัห๎มะจะริยัง  จะรามะ,

         ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์  ในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น;

ภิกขูนัง (สามะเณรานัง)  สิกขาสาชีวะสะมาปันนา,

       ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของภิกษุทั้งหลาย; (สามเณรทั้งหลาย),

ตัง โน พรัหมะจะริยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ.

       ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น, จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้  เทอญ ฯ   

สำหรับคฤหัสถ์สวด

จิระปะรินิพพุตัมปิ  ตัง  ภะคะวันตัง  สะระณัง  คะตา,

       เราทั้งหลายผู้ถึงแล้วซึ่งผู้มีพระภาคเจ้า  แม้ปรินิพพานนานแล้ว พระองค์นั้น  เป็นสรณะ;

ธัมมัญจะ  สังฆัญจะ,        ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย;

ตัสสะ  ภะคะวะโต  สาสะนัง  ยะถาสะติ  ยะถาพะลัง  มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ,

       จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตามสติกำลัง; 

สา  สา  โน  ปะฏิปัตติ,    ขอให้ความปฏิบัตินั้นๆ  ของเราทั้งหลาย;

อิมัสสะ  เกวะลัสสะ  ทุกขักขันธัสสะ  อันตะกิริยายะ  สังวัตตะตุ,

       จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ ฯ

———————————