คำขอนิสสัย

วิธีขอนิสสัย

        ภิกษุมีพรรษาหย่อน ๕ พรรษา ถือว่าเป็นพระนวกะบวชใหม่ต้องถือภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเป็นอุปัชฌาย์   และอาศัยภิกษุรูปนั้นอยู่เพื่อรับโอวาท   ในกรณีที่ไม่ได้อยู่กับอุปัชฌาย์ ต้องขอนิสัยจากพระอาจารย์ที่ตนอาศัยด้วย

        ผู้ขอนิสัยต้องห่มจีวรเฉวียงบ่า  นั่งคุกเข่าประนมมือ กราบ ๓ หน  ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วกล่าวคำขอนิสัย  

———————–

คำขอนิสสัย

        อาจะริโย  เม  ภันเต  โหหิ,  อายัสมะโต  นิสสายะ  วัสสามิ.  (ว่า ๓ ครั้ง)

        พระอาจารย์ท่านจะพูดว่า  “โอปายิกัง” ผู้ขอรับว่า     “สาธุ  ภันเต”

        พระอาจารย์ท่านจะพูดว่า  “ปะฏิรูปัง” ผู้ขอรับว่า     “สาธุ  ภันเต”

        พระอาจารย์ท่านจะพูดว่า  “ปะสาทิเกนะ  สัมปาเทหิ”   ผู้ขอรับว่า “สาธุ  ภันเต”

        ผู้ขอนิสัยพึงกล่าวรับเป็นธุระให้ท่านว่า   

        “อัชชะตัคเคทานิ  เถโร,  มัยหัง  ภาโร,   อะหัมปิ  เถรัสสะ ภาโร”.   (ว่า ๓ ครั้ง)

        ในกรณีที่อาศัยอยู่กับพระอุปัชฌาย์ให้ขอนิสัยจากพระอุปัชฌาย์ ดังนี้

        “อุปัชฌาโย  เม ภันเต  โหหิ” (ว่า ๓ ครั้ง)

        นอกนั้นเหมือนกันกับการขอนิสัยพระอาจารย์

        ภิกษุมีพรรษาหย่อน ๕ พรรษาเป็นพระนวกะอยู่ แม้เป็นผู้ทรงธรรมวินัยก็ควรจะต้องขอนิสัยจากพระอุปัชฌาย์หรือพระอาจารย์  ภิกษุเดินทาง ป่วยไข้หรือเข้าป่าเพื่อเจริญสมณธรรมในที่ใด  หาท่านผู้ให้นิสัยไม่ได้  หรือมีเหตุขัดข้องไปอยู่ในที่อื่นไม่ได้จะอยู่ในที่นั้นด้วยผูกใจว่า  เมื่อใดมีท่านผู้ให้นิสัยได้มาอยู่  จักถือนิสัยในท่านนั้นก็ควร  

        ภิกษุผู้มีพรรษาได้ ๕ แล้ว  แต่ยังไม่ถึง ๑๐ มีองค์ครบสมบัติในการจะอยู่ตามลำพังโดยไม่ต้องขอนิสัยได้  แต่หากยังไม่มีความรู้ความเหมาะสมในการรักษาตน ก็ต้องถือนิสัย

———————–