วิธีสมาทานวิปัสสนากรรมฐาน (ขึ้นครู)

วิธีสมาทานวิปัสสนากรรมฐาน (ขึ้นครู)

        ในวันที่จะเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น ผู้มีความประสงค์จะสมาทานกรรมฐานพึงปฏิบัติดังต่อไปนี้ คือ

      (๑)   จัดเตรียมดอกไม้ธูปเทียนไปทำวัตรพระเถระผู้เป็นประธานในสถานที่นั้นๆ

          (๒)   ถวายสักการะต่อพระอาจารย์ผู้ให้กรรมฐาน

          (๓)   จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

          (๔)   ถ้าเป็นพระให้แสดงอาบัติก่อน ถ้าเป็นสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ให้สมาทานศีลเสียก่อน (ศีล ๕ ศีล ๘ และศีล ๑๐ ตามสมควรแก่อัชฌาสัยแก่เหตุและปัจจัย)

          (๕)   มอบกายถวายตัวต่อพระรัตนตรัย ว่า

             อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิ

             ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรมเจ้า แด่พระสงฆเจ้า เพื่อเจริญพระกรรมฐาน ณ โอกาสต่อไปนี้

          (๖)   มอบกายถวายตัวต่อพระอาจารย์

               อิมาหัง อาจะริยะ อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิ

             ข้าแต่ท่านพระอาจารย์ ข้าพเจ้าขอมอบกายถวายตัวแก่ท่านเพื่อเจริญพระกรรมฐาน ณ โอกาสต่อไปนี้

          (๗)   ขอพระกรรมฐาน

                   นิพพานัสสะ เม ภันเต สัจฉิกะระณัตถายะ กัมมัฏฐานัง เทหิ.

             ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงให้พระกรรมฐานแก่ข้าพเจ้า เพื่อประโยชน์แก่การทำให้แจ้งซึ่งมรรค ผล พระนิพพาน ณ โอกาสต่อไปนี้

          (๘)   คำแผ่เมตตา

               แผ่เมตตาให้ตนเอง

             อะหัง สุขิโต โหมิ นิททุกโข โหมิ อะเวโร โหมิ อัพยาปัชโฌ โหมิ อะนีโฆ โหมิ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ.

             ขอให้ข้าพเจ้าจงถึงสุข ปราศจากทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีความเดือดร้อน ขอให้มีความสุข รักตนอยู่เถิด

        แผ่โดยจำพวก

        ๑)     สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไม่ความเดือดร้อน มีความสุข รักษาตนอยู่เถิด

        ๒)     สัพเพ ปาณา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ที่มีลมปาณทั้งปวง……….รักษาตนอยู่เถิด

        ๓)     สัพเพ ภูตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอภูตทั้งปวง……………ฯ

        ๔)     สัพเพ ปุคคลา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอบุคคลทั้งปวง……………..ฯ

        ๕)     สัพเพ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอผู้มีอัตภาพทั้งปวง…………..ฯ

        ๖)    สัพพา อิตถิโย อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสตรีทั้งปวง……………….ฯ

        ๗)     สัพเพ ปุริสา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอบุรุษทั้งปวง……………….ฯ

        ๘)     สัพเพ อะริยา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอพระอริยะทั้งปวง………..ฯ

        ๙)    สัพเพ อะนะริยา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอปุถุชนทั้งปวง…………….ฯ

        ๑๐) สัพเพ เทวา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอเทวดาทั้งปวง…………..ฯ

        ๑๑) สัพเพ มะนุสสา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอมนุษย์ทั้งปวง…………..ฯ

        ๑๒) สัพเพ วินิปาติกา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอพวกสัตว์วินิปาติกะทั้งปวง……………..ฯ

        แผ่โดยทิศ ๑๐

        ๑)     ปุรัตถิมายะ ทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศบูรพา จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีความเดือดร้อน มีความสุข รักษาตนอยู่เถิด

        ๒)     ปัจฉิมายะ ทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศปัจฉิม…………..ฯ

        ๓)     อุตตรายะ ทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศอุดร……………….ฯ

        ๔)     ทักขิณายะ ทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศทักษิณ……………ฯ

        ๕)     ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศอาคเนย์…………….ฯ

        ๖)    ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศพายัพ……………..ฯ

        ๗)     อุตตรายะ อะนุทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศอีสาน………………ฯ

        ๘)    ทักขิณายะ อะนุทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศหรดี………………..ฯ

        ๙)     เหฏฐิมายะ ทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศเบื้องล่าง………………ฯ

        ๑๐) อุปริมายะ ทิสายะ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อัพยาปัชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง ผู้อยู่ในทิศเบื้องบน……………….ฯ

          แผ่ไปในสัตว์ทั้งปวง

        ๑)    สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีความเดือดร้อน มีความสุข รักษาตนอยู่เถิด

        ๒)    สัพเพ สัตตา สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวง จงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเถิด

        ๓)    สัพเพ สัตตา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ.

               ขอสัตว์ทั้งปวงจงอย่าได้พลัดพรากจากสมบัติอันตนได้แล้วเลย

        ๔)     สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ.

               สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน เป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องให้ผล เป็นผู้มีกรรมเป็นเครื่องให้เกิด เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราจักทำกรรมใดไว้ กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม เราจะเป็นทายาทรับผลของกรรมนั้นสืบไปฯ

          (๙)   เจริญมรณานุสสติ

                   อะธุวัง เม ชีวิตัง ชีวิตของเราเป็นของไม่ยั่งยืน

                   ธุวัง มะระณัง ความตายเป็นของยั่งยืน

                   อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง อันเราจะพึงตายเป็นแท้

                   มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตัง ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุดรอบ

                   ชีวิตัง เม อะนิยะตัง ชีวิตของเราเป็นของไม่เที่ยง

                   มะระณัง เม นิยะตัง ความตายของเราเป็นของเที่ยง

               เป็นโชคอันดีของเราแล้วหนอที่ได้มีโอกาสมาสมาทานพระกรรมฐาน ณ บัดนี้ ไม่เสียทีที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา

          (๑๐) ตั้งสัจจาธิษฐาน

                   เยเนวะ ยันติ นิพพานัง               พุทธา เตสัญจะ สาวกา

                   เอกายะเนนะ มัคเคนะ                สะติปัฏฐานะสัญญินา.

               พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอริยสาวก ย่อมดำเนินไปสู่พระนิพพานด้วยหนทางสายนี้ อันเป็นทางสายเอก ซึ่งนักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลายรู้ทั่วถึงกันแล้วว่า ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔

               ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจาธิษฐาน ปฏิญาณตนต่อพระรัตนตรัยต่อครูอาจารย์ว่าจะตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติจริงๆ เท่าที่ตนสามารถเท่าที่ตนมีโอกาสจะประพฤติปฏิบัติได้เพื่อบูชาพระรัตนตรัย

          (๑๑) ตั้งความปรารถนา

                   อิมายะ ธัมมานุธัมมะปะฏิปัตติยา ระตะนัตตะยัง ปูเชมิ.

               ข้าพเจ้าขอบูชาซึ่งพระพุทธเจ้า ซึ่งพระธรรม ซึ่งพระสงฆ์ ด้วยการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนี้

                   อัทธา อิมายะ ปะฏิปัตติยา ชาติชะราพะยาธิมะระณาทีหิ ปะฏิมุจจิสสามิ.

               ข้าพเจ้าจักพ้นจากชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ และมรณทุกข์ ด้วยการปฏิบัติธรรมนี้แน่นอน

                   อุกาสะ อุกาสะ ณ โอกาสบัดนี้ ข้าพเจ้าขอสมาทานเอาซึ่งพระกรรมฐาน ขอขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ และวิปัสสนาญาณ ขอจงบังเกิดขึ้นในขันธสันดานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะตั้งสติกำหนดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก ลมหายใจเข้ารู้ ลมหายใจออกรู้ สามหนและเจ็ดหน ร้อยหนและพันหน ด้วยความไม่ประมาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.

          (๑๒) สวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

          (๑๓) ถ้าอยู่ป่า อยู่ถ้ำ อยู่บนภูเขา ให้สวดกรณียเมตตสูตร และสวดขันธปริตตคาถาด้วย (วิรูปักเข)